การสวดมนต์มีประโยชน์นั้นจริงหรือ
การสวดมนต์ มี 2 ลักษณะคือ
- สวดแบบใช้เสียง
- สวดแบบไม่ใช้เสียงหรือสวดในใจ
การสวดมนต์แบบไม่ใช้เสียงเป็นการนึกถึงบทที่สวดและติดตามอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ได้มาคือ การสร้างสัญญาจากความคิด และอนุกรมพลังงานของการเรียงร้อยสัญญา การปฏิบัติในลักษณะนี้ จะต้องใช้ความมุ่งมั่นมากกว่าการใช้เสียง คือจะต้องคอยนึกถึงบทที่สวดอย่างต่อเนื่อง จึงจะทำให้เกิดสมาธิอย่างต่อเนื่องและมีสติมั่นคง
ส่วนการใช้น้ำเสียง เสียงจะทำให้เกิดการสั่นสะเทือน ยังผล ทำให้เกิดการเรียงร้อยพลังงานหรือสร้างพลังงาน เมื่อสวดมนต์จนชำนาญแล้ว การที่จะใช้ความคิด ความอ่าน ย่อมลดน้อยถอยลงอาศัยแต่เพียงการใช้ทักษะของความชำนาญของขบวนการจิตใต้สำนึกผลักดันออกมาเป็นน้ำเสียง เมื่อใช้น้ำเสียงจะขึ้นตรงอยู่กับจิตในสำนึก จะให้ดัง เบา ค่อย ช้า เร็ว เงียบหรือระลึกอยู่กับการสวดอยู่ภายใน อาการเหล่านี้เป็นการสวดมนต์ที่ทำให้เกิดการผลักดัน และสร้างพลังอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การสวดมนต์โดยใช้น้ำเสียงที่ดี จะต้องมีระดับเสียงให้ครบ 4 จังหวะ ดังต่อไปนี้
1. ระดับกลาง มีลักษณะของน้ำเสียงพอประมาณ ไม่ช้า และไม่เร็ว จับระดับการติดตามของน้ำเสียงได้ทัน อาการในลักษณะนี้เป็นการให้จิตเกาะติดกับกายหรือน้ำเสียงได้ทัน เป็นการส่งเสริมการทำงานของจิตให้สัมพันธ์กับกาย(น้ำเสียง) เมื่อจิตสัมพันธ์กับกายเรียบร้อยแล้ว ต่อไปไม่ว่าน้ำเสียงจะเร็วหรือช้า พลังจิตที่เกิดขึ้นจะสัมพันธ์และมีทิศทางที่ยิ่งยวดไปตามน้ำเสียงที่ใช้ในขณะนั้น
2. ระดับน้ำเสียงที่เร็วและดัง ซึ่งจัดอยู่ในย่านความถี่ต่ำ ในช่วงนี้เรียกว่าเป็นช่วงที่การสร้างพลังหรือดูดซับพลังเข้ามาสู่ภายในร่างกายได้มากที่สุด น้ำเสียงในระดับนี้ อาจใช้การสั่นเครือของน้ำเสียงหรือเสียงโทนต่ำก็ได้ จะเห็นว่าพลังถูกรีดขึ้นสู่สมองได้ง่าย
3. ระดับน้ำเสียงที่ช้า จะเป็นระดับน้ำเสียงที่เกิด จากการผลักดันทางด้านจิตวิญญาณให้ช้าเอง โดยอัตโนมัติ พลังงานทั้งหมดจะรวมอยู่ที่สมองมากที่สุด จัดว่าเป็นย่านความถี่สูง
4. ระดับน้ำเสียงช้าที่สุด หรือ ลากน้ำเสียงเป็นเสียงเดียวในลำคอ เป็นลักษณะของการกระจายพลัง ทำให้เกิดการไหลเวียนเพื่อสร้างสนามพลัง ณ จุดนี้เองทำให้เกิดภาวะสมดุลระหว่างกายและจิตได้ดี ร่างกายจะโล่ง โปร่งสบาย เมื่อถึงที่สุดแล้ว
การใช้น้ำเสียงเพื่อให้เกิดพลังที่ดีที่สุด จะต้องกระทำจากความรู้สึกที่มาจากภายในอันแท้จริงและเล่นไปตามอาการที่เกิดขึ้นในระหว่างที่สวดมนต์ การสวดมนต์ควรเปิดช่องปราณที่ทำให้เกิดการไหลเวียนของพลังด้วยการส่ายศีรษะไปตามจังหวะของน้ำเสียงที่ตกร่องของ
พลังการเคลื่อนไหว ยังผลของการรับรู้การสร้างพลังและการบำบัดโรคที่ดี ในระหว่างการสวดนั้นถ้ามีภาษาแปลกๆ จงอย่าวิตกกังวลใดๆ ทั้งสิ้นให้คล้อยตามถึงที่สุด เมื่อถึงที่สุดจะมีภาวะของความสมดุลทั้งร่างกายและจิตอารมณ์ ความรู้สึก พฤติกรรม โรคภัยไข้เจ็บ ศักยภาพพิเศษอาจเปลี่ยนโดยฉับพลัน แต่ทั้งนี้จะต้องกระทำแบบมีเหตุผลของความเข้าใจในองค์ความรู้อย่างแท้จริง การพัฒนากายและจิตจึงจะมีประสิทธิภาพประสิทธิผลอย่างแท้จริง